![]() |
วัดสังโฆสิตาราม จ.สุพรรณบุรี |
ประวัติวัดสังโฆสิตาราม
ประวัติเดิม หลวงพ่อยอด จนฺทูปโม
ประวัติเดิม หลวงพ่อยอด จนฺทูปโม
พระอธิการยอด จนฺทูปโม นามสกุล มาลัย เกิดที่บ้านดอนกลาง(เดิมชื่อบ้านราง) หมู่ที่ 8 (เดิมเป็นหมู่ที่ 11) ในสงความเอเชีย ประเทศญี่ปุ่นกับประเทศเยอรมันประกาศสงครามกัน เมื่อสงครามสงบลงหมู่บ้านที่ 11 ก็ยุบเป็นหมู่บ้านที่ 8 ตำบล บ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี (ปัจจุบันเป็นตำบลวัดดาว หมู่บ้านแยกใหม่)
บิดาชื่อนนท์ มาลัยเป็นหมอแผนโบราณประจำตำบล เกิดวันอังคาร ปีกุน ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
มารดาชื่อ น้ำค้าง มาลัย เกิด ปีมะโรงวันพฤหัสบดี พระอธิการยอด มีพี่น้องรวมทั้งหมด 6 คน
- ชื่อ นางแค นามสกุล เคหะนาค เกิดปีมะโรง, สามี นายเชื้อ นามสกุล เคหะนาค
- ชื่อ นางพิณ นามสกุล เสียงเสนาะ เกิดปีมะเมีย, สามี นายเฟือง นามสกุล เสียงเสนาะ
- ชื่อ นายสาคร นามสกุล มาลัย เกิดปีกุน, ภรรยาชื่อ นางเพียร นามสกุล มาลัย
- ชื่อ นางสอาด นามสกุล ฝีมือดี เกิดปีขาล, สามีชื่อ นายประยงค์ นามสกุล ฝีมือดี
- ชื่อ นางสำราญ นามสกุล เรือนวิลัย เกิดปีมะโรง, สามีชื่อ นายเปล่ง นามสกุล เรือนวิลัย
- ชื่อ นายยอด นามสกุล มาลัย เกิดปีมะแม หรือพระยอด จนฺทูปโม เกิดวันอังคาร ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 4
ประวัติพระครูอุดมธรรมโฆษิต
สถานะเดิม
ชื่อ ยอด นามสกุล มาลัย เกิดวันอังคาร ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 4สถานะเดิม
วันที่ 12 เดือนมีนาคม พ.ศ.2474
บิดา นนท์ มารดา น้ำค้าง อาชีพ กสิกรรม
บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
สีเนื้อ สองสี สัณฐาน สันทัด
ตำหนิ แผลนิ้วชี้มือขวา(เมื่อขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน) ก่อนอุปสมบทเคยรับราชการทหารมาก่อน
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2498 ตรงกับ แรม 4 ค่ำ เดือน 5 ปีมะแม เมื่ออายุ 24 ปี ณ พัทธสีมาวัดคูบัว ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี พระครูโฆสิตธรรมสาร วัดสังโฆสิตาราม เป็นอุปัชฌาย์ ฉายา จนฺทูปโม เมื่ออุปสมบทแล้วได้มาจำพรรษา ที่วัดดาว 1 พรรษา แรม 1 ค่ำ เดือน 6 ปี 2499 ย้ายมาอยู่ที่วัดสังโฆสิตารามมาจนกระทั่งหลวงพ่อครื้นมรณะภาพ รับรักษาการเจ้าอาวาสในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2505วิทยะฐานะ
พ.ศ.2489 สำเร็จวิชาสามัญชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดท่าไชย อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีงานปกครอง
พ.ศ.2500 สอบได้ น.ธ.เอก สำนักเรียนวัดสังโฆสิตาราม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
ความชำนาญพิเศษ ก่อสร้างและพัฒนาวัด
พ.ศ.2502 เป็นกรรมวาจารย์
พ.ศ.2505 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ที่วัดสังโฆสิตาราม
พ.ศ.2508 เป็นเจ้าอาวาส วัดสังโฆสิตาราม ได้ตราตั้งเป็นเจ้าอาวาสวันที่ 13 เดือนมีนาคม 2508
พ.ศ.2514 เป็นพระอุปัชฉาย์
พ.ศ.2530 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะบ้านแหลม
งานศึกษา
พ.ศ.2502 เป็นครูสอนปริยัติธรรมวัดสังโฆสิตารามงานบูรณะวัด
พ.ศ.2505 เป็นกรรมการสอบธรรมสนามหลวงตลอดมา
พ.ศ.2508 เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดสังโฆสิตาราม
พ.ศ.2510 เป็นกรรมการการศึกษาและเป็นผู้อุปการะโรงเรียนประชาบาลวัดสังโฆสิตาราม มีการส่งเสริมการศึกษาคือจัดหาอุปกรณ์การศึกษาและสงเคราะห์ด้วยปัจจัยสี่
พ.ศ.2506 เริ่มบูรณะ กุฏิแถวได้ 4 หลัง
พ.ศ.2507 เริ่มบูรณะกุฏิแถวเหนือได้ 4 หลัง
พ.ศ.2508 บูรณะกุฏิสองชั้น 1 หลัง
พ.ศ.2509 สร้างหอสวดมนต์ยาว 9 ห้อง 17 วา
พ.ศ.2513 เริ่มบูรณะศาลาการเปรียญ 7 ห้อง ยาว 16 วา 1 ศอก
พ.ศ.2524 เริ่มสร้างเมรุเผาศพหลังใหม่
พ.ศ.2534 เริ่มสร้างโบสถ์หลังที่ 3
สมณศักดิ์
พ.ศ.2531 เป็นพระครูสัญญาบัตรพัสยศ เจ้าอาวาสชั้นโท พระครูอุดมธรรมโฆษิต
ประวัติพระครูโฆสิตธรรมสาร (ครื้น อมโร)
ชาติภูมิ
พระครูโฆสิตธรรมสาร นามเดิม ครื้น นามสกุล ศรีบัวทอง นามฉายา อมโร เกิดวันอาทิตย์ แรม 13 ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด ตรงกับวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2442 เป็นบุตรคนที่ 4 ของกำนันพุก นางผูก ศรีบัวทอง ณ บ้านตำบลบางใหญ่ อำเภอบางปลาม้า จังหวัด สุพรรณบุรี มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา 5 คน คือ
- นางอยู่ ศรีบัวทอง
- นางเยี่ยม ศรีบัวทอง
- พระกลิ้ง ศรีบัวทอง
- พระครูโฆสิตธรรมสาร
- นายวิง ศรีบัวทอง
การศึกษาและอุปสมบท
เมื่อเยาว์วัยได้ศึกษาวิชาแบบโบราณ มี สูตร สน นาม และบาลีแบบโบราณ ที่วัดบางใหญ่ เนื่องจากไม่มีโรงเรียนอย่างเช่นปัจจุบัน และมากพระเป็นผู้สอน เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2471 อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบางใหญ่
พ.ศ.2472-2473 ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าพฤกษ์ และได้ศึกษา วิปัสสนากัมมัฎฐาน จนสามารถปฏิบัติด้วยตนเองได้
พ.ศ.2474 ได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสังโฆสิตารามตามเดิม
หน้าที่และการงาน
พ.ศ.2475 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสังโฆสิตาราม สร้างศาลาการเปรียญ และบูรณปฏิสังขร วัดสังโฆสิตาราม
พ.ศ.2480 เปิดสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร
พ.ศ.2483 สร้างโรงเรียนประชาบาลและกฏิ
ท่านได้เป็นประธานในการสร้างพระอุโบสถวัดอื่นอีกหลายแหลาง และยังสร้างพระอุโบสถ สร้างพระประธานใหญ่ อาคาร ศาลาการเปรียญ กุฏิ ศาลาท่านน้ำ โรงเรียนประชาบาล ในวัดสังโฆสิตารามอีกมากมาย
สมณศักดิ์
พ.ศ.2484 ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะตำบลบ้านแหลม
พ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการศึกษา อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
พ.ศ.2499 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูโฆสิตธรรมสาร
ครั้นถึงวันที่ 5 พฤศจิการยน พ.ศ. 2505 เวลา 23.05 น. ท่านก็ถึงมรณภาพด้วยอาการอันสงบ สิริรวมอายุได้ 65 ปี 11 เดือน 10 วัน แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่ท่านก็ทิ้งร่องรอยแห่งความดีไว้เป็นนิติแบบอย่างให้ทุกคนระลึกถึง ดังบาลีที่ว่า
รูปํ ชีรติ มจฺจานํ นามโคตฺตํ น ชีรติ
อันรูปกายตายเน่าของเหล่าสัตว์
ย่อมวิบัติย่อยยับไปลับหาย
สกุลชื่อลือล่ำไม่ทำลาย
เป็นเครื่องหมายประวัติไว้ชัดเจน
หากทำตัวชั่วช้ามีราคิน
แม้รูปสิ้นส่วนชื่อยังลือเหม็น
ฝ่ายดีหน่อมรณังชื่อยังเป็น
ดั่งจันทร์เพ็ญเด่นจ้านนภาเอย
พระครูโฆสิตธรรมสาร
"จันทร์ ห้า พฤศจิกา สูนห้า" พาวิโยค
กำสรดโศก เสียดาย หายระรื่น
พระครูโฆสิตธรรมสาร หลวงพ่อครื้น
มาด่วนคืนดับขันธ์ มิทันรู้
หมดหนทาง ที่หมอ รอไว้อยู่
"หลายโรค เรื้อรัง" ฟังฟังดู
นิจจา ! สู้อดทน จนสุดฤทธิ์
เจ็บปวดทุกข์ ทรมาน สะท้านร่าง
มิละวาง ว่างเว้น บำเพ็ญกิจ
ศาสนาปฏิบัติ ถนัดนิจ
เนืองอุทิศ ทำงาน ลุผ่านไป
ตราบกำลัง แรงโรย ระโหยอ่อน
อาพาธนอน แน่นอิ่ง ไม่ติงไหว
ครั้งสุดท้าย ร้ายร้าว กว่าคราวใด
สุดที่ใคร ไหนอ่อน ช่วยเหลือทัน
ทั้งที่รู้ อยู่ชัด ถนัดจิต
ว่า "ชีวิตนี้แท้ย่อมแปรผัน
เกิดแล้วดับ กลับกลาย เป็นคล้ายกัน"
ถึงกระนั้น ใจหาย เสียดายนัก
หลัดหลัดลับ ดับลา นิจจาเอ๋ย
กระไรเลย ร่างเห็น กลับเป็นศพ
เหลือแต่นาม ความดี ก้องไตรภพ
ให้น้อมนบ นึกถึง รำพึงแทน
"ที่สิบแปด" เมษา มาบรรจบ
"พระราชทานเพลิงบรรจุศพ" วิโยคแสน
หวังเพิ่มผล ดลสุข ในทุกแดน
เพื่อตอบแทน พระคุณ การุญมี
ตั้งอุทิศ จิตพร้อม น้อมแผ่ผล
ผองกุศล ส่วนบุณยราศี
วิบากทุน คุณงาม ล้วนความดี
ประจงพลี เพิ่มหมาย ถวายพร
เดชะ บุญคุณ กุศลส่ง
หลวงพ่อ จงเสพสุข สโมสร
เกษมสันต์ หรรษา สถาวร
ไร้โรครอน ร้อนร้าง ทุกข์ห่างพ้น
สถิติทิพยสถาน วิมานไหน
วอนเทพไท ไปแจ้ง ทุกแห่งหน
เชิญครรไล จากสถาน พิมานบน
มารับผล พรพลั่ง หลั่งอุทิศ
แม้นวิบาก บุญพา ให้มาเกิด จงประเสริฐ สูงคุณ บุญสถิต
ดำรงเพศพรหมจรรย์ พลันสัมฤทธิ์
ผลไพสิษฐ์ "โมกษธรรม" เลิศล้ำเทอณ ฯ
ประวัติหลวงพ่อครื้น
![]() |
หลวงพ่อครื้น |
สถานะเดิม
ชื่อ ครื้น นามสกุล ศรีบัวทอง วิทยฐานะอ่านออกเขียนได้ อาชีพทำนาบิดาชื่อพุก มารดาชื่อบุกร สีเนื้อดำแดง สัณฐานสันทัด ตำหนิแผลเป็นนิ้วขวา เกิดปีชวด วันที่ 13 เดือนมกราคม พ.ศ.2443 ตำบลบางใหญ่ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
บรรพชา
ชื่อสามเณรครื้น ฉายาอมโร เจ้าอธิการสินธุ์ เป็นอุปัชฌาย์บรรพชา อายุ 29 ปีมะโรง วันที่ 10 เดือนกรกฏาคม พ.ศ.2471 ณ วัดบางใหญ่ ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
อุปสมบท
ชื่อพระครื้น ฉายาอมโร เจ้าอธิการสินธุ์ เป็นอุปัชฌาย์ วัดบางใหญ่, พระอธิการฉัตร เป็นกรรมวาจารย์ วัดศุขเกษม ในวันที่ 4 เดือนกรกฏาคม พ.ศ.2477
อนุศาวนาจารย์
อุปสมบทเมื่ออายุ 29 ปี วันที่ 10 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2471 เวลา 14.30 น. ณ วัดบางใหญ่ ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ให้วันที่ 2 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2477
สำนัก
ชื่อพระครูครื้น ฉายาอมโร วัดสังโฆสิตาราม ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี วันที่ 19 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2497 เมื่ออุปสมบทแล้วเริ่มศึกษาวิชาไสยศาสตร์ ทั้งภาษาขอมและภาษาไทย เรียนกัมมัฏฐาน วิชาปัสสนากรรมมัตฐาน เรียนวิชากระสิน 10 ประการ ตามสำนักต่างๆที่อยู่ประจำก่อนที่เป็นเจ้าอาวาสวัดสังโฆสิตารามคือ วัดบางใหญ่ วัดป่าพฤกษ์ และศึกษาวิชาสมถะกัมมัฎฐานเพิ่มเติม ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ฝั่งธนบุรี เมื่ออยู่วัดสังโฆ พอถึงฤดูกาลออกปฎิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆเดินธุดงค์ ปฏิบัติกิจส่วนตัวเพื่อเสริมสร้างบารมีและขอปฏิบัติต่อคณาจารย์อื่นๆเพื่อให้ความรู้ความสามารถแตกฉาน จนกระทั่งเป็นที่เลื่องลือไปต่างๆนาๆทำให้ประชาชนข้าราชการในยุคนั้นรู้จักหลวงพ่อครื้น รู้จักวัดสังโฆสิตาราม รู้จัดบ้านสังโฆ และยังเป็นผู้นำสร้างอุโบสถและตลอดงานผูกพัทธสีมา หลังแรกวัดดอนตาจีน นำทำจนถึงงานผูกพัทธสีมาเรียบร้อยแล้วเจ้าอาวาสสึก หลังที่สองคือวัดสังโฆสิตาราม ทำสำเร็จเรียบร้อยมีงานผูกพัทธสีมา หลังที่สาม คือวัดยางไทยเจริญผล เขตอู่ทอง เมื่อประกอบงานผูกพัทธสีมาเรียบร้อย เจ้าอาวาสก็ลาสิกขา และสร้างมณฑป คลอบรอยพระพุทธบาท วัดเขาพระ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
รายนามอดีตเจ้าอาวาส วัดสังโฆสิตาราม จนถึงปัจจุบัน
- พระอาจารย์กลับ มรณภาพเป็นพระ
- พระอาจารย์ขวัญ มรณภาพเป็นพระ บ้านเดิมอยู่บางแม่หม้าย ต.บางใหญ่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
- อาจารย์ปุย ลาสิกขา
- พระอธิการเปลี่ยน ลาสิกขา บ้านเดิมอยู่บ้านศุขเกษม
- พระอาจารย์เผ็ด ลาสิกขา บ้านเดิมอยู่บ้านยางไทย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
- พระอาจารย์นนท์ มาลัย ลาสิกขา บ้านเกิดอยู่บ้านป่าพฤกษ์ ต่อมาอพยพย้ายจากบ้านพฤกษ์ มาอยู่บ้านวัดดาว เมื่อลาสิกขาก็มีครอบครัว ภรรยาชื่อ แม่น้ำค้าง มะพลับสวน ตั้งบ้านเรือนอยู่ดอนกลางหมู่ 11 ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นหมู่ 8 ต่อมาเพิ่มตำบลขึ้นเป็นตำบลวัดดาวปัจจุบัน พ.ศ. 2551 เพิ่มหมู่บ้านอีก 1 หมู่บ้าน
- พระอาจารย์อุ่น เป็นสมภารชั่วระยะหนึ่งก็ลาออกไปอยู่ที่วัดดาวระยะหนึ่ง ท่านมรณภาพเป็นพระ ไปมรณภาพที่อยุธยา บ้านเดิมอยู่ที่อยุธยา บ้านพาชี
- พระอาจารย์ทอง วารีรัตน์ ลาสิกขา บ้านเดิมอยู่บ้านสังโฆหมู่ 7 ต.บ้านแหลม ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ 5 ต.วัดดาว อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
- พระอาจารย์ศรี มรณภาพเป็นพระ บ้านเดิมอยู่อยุธยาเป็นนำสร้างพระวิหาร พระวิหารเกิดขึ้นสมัยพรอาจารย์ศรี
- พระอาจารย์ต๊ะ ลาสิกขา บ้านเดิมอยู่บ้านยางไทย อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
- พระอธิการครื้น อมโร นามสกุลบัวทอง เป็นสมภาพรูปสำคัญ เพราะวัดสังโฆดังมีคนทั้งหลายรู้จักทั่วไป พระเครื่องรางของขลัง และสิ่งต่างๆในวัดเกิดขึ้นมีความเจริญก้าวหน้าเกิดขึ้นจนถึงที่สุด และสิ่งต่างๆยังคงเหลือเป็นอนุสรณ์ มีประชาชนติดตามหาสิ่งของที่ทำไว้ ท่านเป็นพรครูชั้นประทวน เป็นเจ้าคณะหมวดบ้านแหลม เป็นอุปัชฌาย์เป็นพระครูสัญญาบัตรพัศยศ
ปี 2500 เป็นผู้นำสร้างโบสถ์หลังแรกคือวัดดอนตาจีน ต.บ้านแหลม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี และกำหนดผูกพัทธสีมา จนสำเร็จเรียบร้อย
โบสถ์หลังที่สอง คือวัดบ้านยางไทยเจริญผล อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี และกำหนดผูกพัทธสีมา ปี 2498 จนสำเร็จเรียบร้อย
หลังที่สามคือ วัดสังโฆสิตาราม ต.บ้านแหลม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ประกอบพิธีผูกพัทธสีมา 2491 จนสำเร็จเรียบร้อย โบสถ์จึงเรียบร้อยตามพิธีที่ทำทั้งหลัง
2 หลังที่แล้วมาไม่เรียบร้อย เมื่อทำพิธีผูกพัทธสีมาเสร็จเจ้าอาวาสก็สึกลาสิกขาทั้งสองวัด หลวงพ่อครื้นก็ไม่ติดตามทำเพราะถือว่ามีงานผูกพัทธสีมาก็ไม่ต้องทำต่อ ส่วนของวัดสังโฆเรียบร้อยเพราะหลวงพ่อครื้นเป็นเจ้าอาวาสอยู่จึงทำเรียบร้อย ได้สร้างโบสถ์หลังที่สองของวัดสังโฆ สืบต่อพระอธิการเปลี่ยน ขนาดใหญ่ 3 ชั้น ทรงไทยมีเสาหาญก่ออิฐล้อมทำแบบโบราณ ขอวิสุงคามสีมา วันที่ 29 เดือนมกราคม พ.ศ. 2490
ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาส ที่ 37/2480 วันที่ 24 ธันวาคม 2480
ได้รับตราตั้งเจ้าคณะหมวด ที่ 6/2484 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2484
เป็นพระครูชั้นประทวน ที่ 96/2482 วันที่ 1 มีนาคม 2482
เป็นพระอุปัชฌาย์ ที่ 13/2485 วันที่ 14 มกราคม 2485
เป็นพระครูสัญญาบัตรพัศยศ ปี 2500
บวชครั้งที่สองได้ 33 พรรษา อายุ 63 ปี
มรณภาพวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 12 เวลา 5 ทุ่ม 45 นาที ณ วัดสังโฆสิตาราม - พระอธิการยอด จนฺทูปโม นามสกุลมาลัย รักษาการเจ้าอาวาสสือบต่อหลวงพ่อครื้น ปี 2508 มรณภาพเป็นพระ
- พระปลัดสมคิด กิตติสาโร มรณภาพเป็นพระในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2546
- พระสังขรักษ์ณรงค์ รกฺขิตโต เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
มูลเหตุที่ตั้งชื่อวัดสังโฆ
เนื่องจากสถานที่ตั้งวัดนั้นเป็นที่อยู่ของโค เจ้าของโค ชื่อโคปาน และพระสงฆ์ยุคนี้มีชื่อว่าหลวงพ่อโพธิ์ และยังตั้งศาลที่มีพระนาคปรกปั้นอยู่ทิศเหนือ 1 หลัง ทิศใต้ 1 หลัง ปัจจุบันยังเคารพบูชาอยู่ ปัจจุบันจึงใช้ชื่อตามทะเบียนทางคณะสงฆ์กรมการศาสนา เค้าโคลงเล่ากันมา โดยหลวงพ่อครื้นได้อัญเชิญวิญญาณหลวงพ่อโพธิ์มาเข้าทรง คนเข้าทรงชื่อเฒ่าแจ่ม นิ่มอนงค์ให้ติดต่อกับวิญญาณโคปาน จึงได้เค้าโคลงเรื่องราว
ส่วนที่ตั้งวัดสังโฆนั้นเป็นที่อยู่ของโคปาน วัวนั้นอยู่พักที่ดินนี้ สถานที่ตั้งวัดสังโฆ มีหลักฐานอยู่สองอย่าง คือมีโคกโบสถ์เก่ามีต้นมะพลับต้นใหญ่ขึ้นอยู่ ประการที่ 2 ก็เป็นนิยายปรัมปราเล่ากันมาดังกล่าว
วัดสังโฆ คำว่า "สัง" หมายความว่า เป็นที่รวมของหมู่สงฆ์ "โฆ" หมายความว่า กึกก้องทั่วไป
"สิตาราม" หมายความว่า ในเขตของอารามแห่งนี้
วัดสังโฆสิตาราม หมู่ที่ 5 (เดิมหมู่ที่ 7) ตำบลวัดดาว (เดิมตำบลบ้านแหลม) อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
เริ่มตั้งวัดสังโฆสิตาราม พ.ศ. 2428 ปีระกา ซึ่งตรงกับ จ.ศ.1247 ร.ศ.104 ค.ศ.1885 ถึงพ.ศ.ปัจจุบัน 2551 รวมอายุของวัดสังโฆสิตารามได้ 125 ปี เริ่มต้นสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสังเขป ที่ตั้งวัดมีทั้งหมด 18 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา ที่ธรณีสงฆ์ 30 ไร่ โบสถ์หลังแรกพระอธิการเปลี่ยนเป็นผู้นำสร้าง ขอวิสุงคามสีมา วันที่ 5 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2462 (ขอพร้อมกับวัดศุขเกษม) หมายเหตุ ถือเอาวิสุงคามสีมา วัดศุขเกษมเป็นหลักฐาน เมื่อประกอบพิธี ผูกพัทธสีมาเรียบร้อยพระอธิการเปลี่ยนก็ลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์
โบสถ์หลังที่สองสร้างในสมัยหลวงพ่อครื้น อมโรเป็นเจ้าอาวาส และเป็นเจ้าคณะตำบลบานแหลม มีสมณะศักดิ์เป็นพระครูครื้น อมโร เป็นผู้นำสร้าง ขอวิสุงคามสีมา วันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2490 ทำพิธีผูกพัทธสีมา เดือนเมษายน พ.ศ.2489 อายุของโบสถ์หลังที่สองโดยประมาณ 68 ปี เจดีย์สร้างสี่มุมโคกโบสถ์คู่กับโบสถ์หลังแรก มี 4 มุม - 4 องค์ ปัจจุบันเหลือ 1 องค์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)