ประวัติพระครูโฆสิตธรรมสาร (ครื้น อมโร)

ชาติภูมิ
พระครูโฆสิตธรรมสาร นามเดิม ครื้น นามสกุล ศรีบัวทอง นามฉายา อมโร เกิดวันอาทิตย์ แรม 13 ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด ตรงกับวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2442 เป็นบุตรคนที่ 4 ของกำนันพุก นางผูก ศรีบัวทอง ณ บ้านตำบลบางใหญ่ อำเภอบางปลาม้า จังหวัด สุพรรณบุรี มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา 5 คน คือ
  1. นางอยู่ ศรีบัวทอง
  2. นางเยี่ยม ศรีบัวทอง
  3. พระกลิ้ง ศรีบัวทอง
  4. พระครูโฆสิตธรรมสาร
  5. นายวิง ศรีบัวทอง

การศึกษาและอุปสมบท
เมื่อเยาว์วัยได้ศึกษาวิชาแบบโบราณ มี สูตร สน นาม และบาลีแบบโบราณ ที่วัดบางใหญ่ เนื่องจากไม่มีโรงเรียนอย่างเช่นปัจจุบัน และมากพระเป็นผู้สอน เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2471 อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบางใหญ่
พ.ศ.2472-2473 ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าพฤกษ์ และได้ศึกษา วิปัสสนากัมมัฎฐาน จนสามารถปฏิบัติด้วยตนเองได้
พ.ศ.2474 ได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสังโฆสิตารามตามเดิม

หน้าที่และการงาน
พ.ศ.2475 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสังโฆสิตาราม สร้างศาลาการเปรียญ และบูรณปฏิสังขร วัดสังโฆสิตาราม
พ.ศ.2480 เปิดสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร
พ.ศ.2483 สร้างโรงเรียนประชาบาลและกฏิ
ท่านได้เป็นประธานในการสร้างพระอุโบสถวัดอื่นอีกหลายแหลาง และยังสร้างพระอุโบสถ สร้างพระประธานใหญ่ อาคาร ศาลาการเปรียญ กุฏิ ศาลาท่านน้ำ โรงเรียนประชาบาล ในวัดสังโฆสิตารามอีกมากมาย

สมณศักดิ์
พ.ศ.2484 ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะตำบลบ้านแหลม
พ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการศึกษา อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
พ.ศ.2499 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูโฆสิตธรรมสาร
ครั้นถึงวันที่ 5 พฤศจิการยน พ.ศ. 2505 เวลา 23.05 น. ท่านก็ถึงมรณภาพด้วยอาการอันสงบ สิริรวมอายุได้ 65 ปี 11 เดือน 10 วัน แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่ท่านก็ทิ้งร่องรอยแห่งความดีไว้เป็นนิติแบบอย่างให้ทุกคนระลึกถึง ดังบาลีที่ว่า

รูปํ ชีรติ มจฺจานํ นามโคตฺตํ น ชีรติ
อันรูปกายตายเน่าของเหล่าสัตว์
ย่อมวิบัติย่อยยับไปลับหาย
สกุลชื่อลือล่ำไม่ทำลาย
เป็นเครื่องหมายประวัติไว้ชัดเจน

หากทำตัวชั่วช้ามีราคิน
แม้รูปสิ้นส่วนชื่อยังลือเหม็น
ฝ่ายดีหน่อมรณังชื่อยังเป็น
ดั่งจันทร์เพ็ญเด่นจ้านนภาเอย


พระครูโฆสิตธรรมสาร

"จันทร์ ห้า พฤศจิกา สูนห้า" พาวิโยค
กำสรดโศก เสียดาย หายระรื่น
พระครูโฆสิตธรรมสาร หลวงพ่อครื้น
มาด่วนคืนดับขันธ์ มิทันรู้


เพราะโรคซ้ำ ซ้ำบอบ จนกรอบร่าง
หมดหนทาง ที่หมอ รอไว้อยู่
"หลายโรค เรื้อรัง" ฟังฟังดู
นิจจา ! สู้อดทน จนสุดฤทธิ์

เจ็บปวดทุกข์ ทรมาน สะท้านร่าง
มิละวาง ว่างเว้น บำเพ็ญกิจ
ศาสนาปฏิบัติ ถนัดนิจ
เนืองอุทิศ ทำงาน ลุผ่านไป

ตราบกำลัง แรงโรย ระโหยอ่อน
อาพาธนอน แน่นอิ่ง ไม่ติงไหว
ครั้งสุดท้าย ร้ายร้าว กว่าคราวใด
สุดที่ใคร ไหนอ่อน ช่วยเหลือทัน

ทั้งที่รู้ อยู่ชัด ถนัดจิต
ว่า "ชีวิตนี้แท้ย่อมแปรผัน
เกิดแล้วดับ กลับกลาย เป็นคล้ายกัน"
ถึงกระนั้น ใจหาย เสียดายนัก

หลัดหลัดลับ ดับลา นิจจาเอ๋ย
กระไรเลย ร่างเห็น กลับเป็นศพ
เหลือแต่นาม ความดี ก้องไตรภพ
ให้น้อมนบ นึกถึง รำพึงแทน

"ที่สิบแปด" เมษา มาบรรจบ
"พระราชทานเพลิงบรรจุศพ" วิโยคแสน
หวังเพิ่มผล ดลสุข ในทุกแดน
เพื่อตอบแทน พระคุณ การุญมี

ตั้งอุทิศ จิตพร้อม น้อมแผ่ผล
ผองกุศล ส่วนบุณยราศี
วิบากทุน คุณงาม ล้วนความดี
ประจงพลี เพิ่มหมาย ถวายพร

เดชะ บุญคุณ กุศลส่ง
หลวงพ่อ จงเสพสุข สโมสร
เกษมสันต์ หรรษา สถาวร
ไร้โรครอน ร้อนร้าง ทุกข์ห่างพ้น

สถิติทิพยสถาน วิมานไหน
วอนเทพไท ไปแจ้ง ทุกแห่งหน
เชิญครรไล จากสถาน พิมานบน
มารับผล พรพลั่ง หลั่งอุทิศ

แม้นวิบาก บุญพา ให้มาเกิด
จงประเสริฐ สูงคุณ บุญสถิต
ดำรงเพศพรหมจรรย์ พลันสัมฤทธิ์
ผลไพสิษฐ์ "โมกษธรรม" เลิศล้ำเทอณ ฯ